ในวงการฮอลลีวูดมีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า “เราไม่ควรออกไปเจอไอดอล” แต่สิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับคนที่พูดคำกล่าวนี้ออกมาก็คือ คุณคงเจอไอดอลผิดคนแล้วล่ะ…
นับตั้งแต่ที่ฉันได้พบกับโลกแห่งซีรีส์วาย ฉันก็รู้สึกประทับใจกับนักแต่งเรื่องหลายคนที่สร้างโลกที่มีความน่าสนใจจนทำให้ฉันได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสในโลกแห่งนั้น นักแต่งเรื่องคนหนึ่งที่ทำให้ฉันกลับไปดูผลงานนับครั้งไม่ถ้วนมีชื่อว่า JittiRain
เธอเคยเป็นคุณครูสอนวิชาชีววิทยาที่เกิดในจังหวัดเชียงใหม่ และในปัจจุบันเธอเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังซีรีส์ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะเราคู่กัน, ปลาบนฟ้า, ทฤษฎีจีบเธอและรักสลับโลก โดยเรื่องทั้งหมดนี้ได้ถูก GMMTV นำไปทำซีรีส์และช่วยให้ดาราดังของไทยหลายคนได้เกิดขึ้นมา
ไม่ว่าเธอจะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม JittiRain ได้หาเวลาว่างมาเพื่อพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับกระบวนการด้านความคิดสร้างสรรค์ โลกที่เธอสร้างขึ้นมา รวมถึงเล่าว่ายังมีเรื่องราวอะไรที่จะเขียนต่อจากเรื่องก่อนๆ หรือไม่
คุณมีกระบวนการอย่างไรในการเขียนบท? คุณเริ่มเขียนเลยหรือว่าต้องมีเค้าโครงขึ้นมาก่อน?
ฉันเริ่มเขียนนิยายด้วยวัตถุดิบสองอย่าง หนึ่ง คือหากมี premise หรือพล็อตดีๆ
ฉันก็จะพัฒนาบทจากจุดนั้น หรือสอง คือหากมีคาร์แร็กเตอร์ของบุคคลที่น่าสนใจ ฉันก็จะหาพล็อตมาเสริมตัวละครนั้นเพื่้อสร้างเนื้อเรื่องในตอนหลัง
คุณเคยสร้างตัวละครจากคนในชีวิตจริงบ้างหรือไม่?
เคยค่ะ ส่วนใหญ่ตัวละครทุกตัวที่คนรู้จักล้วนมาจากคนรอบตัวของฉัน อาจเป็นเพื่อน คนที่เพิ่งเจอกันตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งคนดัง แต่ตัวตนของพวกเขาเหล่านี้จะไม่ถูกหยิบมาใช้ตรงๆ ฉันจะผสมผสานคาร์แร็กเตอร์ของแต่ละคนเข้าด้วยกันกลายเป็นตัวละครที่ดูคุ้นเคย แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน
ตัวละครไหนเขียนอยากที่สุดและเพราะอะไร? แล้วตัวละครไหนเขียนง่ายที่สุด?
ตัวละครที่เขียนยาก น่าจะเป็นตัวละครที่ชื่อภวินทร์ หนึ่งในนิยายดราม่าสุดโต่งของฉัน มันไม่เคยถูกพูดถึงเพราะเนื้อเรื่องที่หนักหน่วงเกินไป และไม่เคยถูกทำเป็นซีรีส์
ความยากของมันคือตัวละครนี้ต้องโกหกคนรอบตัวด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ทำให้ภวินทร์ต้องต่อสู้กับความคิดของตัวเองว่าจะทำสิ่งที่ถูกต้องหรือยังคงโกหกต่อไปเพื่อหนีจากความลำบาก
ส่วนตัวละครที่เขียนง่าย ฉันว่าไม่มีค่ะ แม้กระทั่งคาร์แรกเตอร์หนุ่มน่ารักที่ฉันถนัดอย่างไทน์ (2Gether) หรือทะเล (Vice Versa) ฉันก็คิดว่าพวกเขามีมุมที่เขียนยาก มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน พอคิดว่าตัวละครคือมนุษย์คนหนึ่ง รัก โลภ หรือเห็นแก่ตัว ทุกความรู้สึกล้วนยากต่อการเขียนเสมอ
ในบรรดาบททั้งหมดที่คุณเขียนมาเรื่องไหนคือเรื่องโปรดของคุณและเพราะอะไร?
ฉันชอบบทกวีของปีแสง (You’re my favorite / Forever you) ค่ะ มันอาจจะไม่ได้มีเนื้อหาที่เข้มข้นหนักหน่วง หรือสดใสน่ารักสุดโต่ง เรื่องนี้อยู่ตรงกลางที่ทำให้ฉันรู้สึกเห็นสีเหลืองและสีชมพูอ่อนๆ ในเนื้อเรื่อง มันอบอุ่น และเพลงที่ประกอบอยู่ในนิยายอย่าง I love you so ของ The Walters ก็ช่วยทำให้วันที่วุ่นวายของฉันรู้สึกช้าลง แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันอยากหลีกหนีความวุ่นวาย ฉันก็มักหยิบ Forever you ออกมาอ่านเสมอ
คุณอาจจะไม่ได้ถาม แต่ฉันนึกถึงอีกเรื่องที่ฉันรักมากเหลือเกิน ซึ่งก็คือ 2Gether
มันถูกเขียนมานานมากแล้ว พอกลับมาอ่านในปัจจุบันมันทำให้ฉันได้เห็นความผิดพลาด และข้อบกพร่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันเติบโต เหมือนกับตัวละครทุกตัวที่ได้เรียนรู้และเติบโตเช่นกัน
เอาจริงๆเลยนะแค่ได้ยินชื่อเรื่องเพราะเราคู่กันนี่ก็แทบยั้งความเป็นแฟนบอยไม่อยู่แล้วแต่ก็ค่อนข้างภูมิใจนะที่ยังรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ได้
คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแคสติ้งบ้างหรือไม่หากมีคุณมีส่วนร่วมมากแค่ไหน? คุณมีไอเดียของคนที่อยากเล่นบทหรือไม่?
ส่วนใหญ่หากเป็นซีรีส์ของ GMMTV ฉันจะไม่ได้เป็นคนเลือกนักแสดงค่ะ ฉันจะให้เป็นหน้าที่ของทีมแคสติ้งที่สามารถมองคนได้ชัดเจนและเข้าใจมากกว่าเป็นคนเลือก แต่ฉันจะคอยแนะนำหรือเสนอความคิดเห็นว่าคนที่จะมารับบทต้องมีคุณสมบัติอะไร แล้วทางทีมก็จะเฟ้นหานักแสดงตามคุณสมบัติเหล่านั้นค่ะ
Vice Versa รักสลับโลกเพิ่งจบไปคุณคิดว่ายังเหลือเรื่องที่ต้องเล่าอีกหรือไม่? ดลจะได้กลับมาที่ร่างชีวิตจริงของตัวเองหรือเปล่า? (เสริม: นี่เป็นหนึ่งในซีรีส์เรื่องโปรดของฉันในปี 2022 – ทำดีมากเลยชอบมาก!)
ขอบคุณมากๆ นะคะ ดีใจที่คุณชอบค่ะ และขอบคุณแทนนักแสดงรวมถึงพี่เอ็กซ์ผู้กำกับด้วย
Vice Versa จบลงในตัวของมันแล้ว เรื่องของภูวดลฉันเองอยากให้ชีวิตของเขาจบแบบปลายเปิด แบบที่คุณเองสามารถจินตนาการชีวิตของเขาได้ทุกรูปแบบตามที่คุณอยากให้เป็น แต่ถ้าถามว่าอยากเขียนอะไรในเรื่อง Vice Versa อีกมั้ย ฉันก็อยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องของทันและเทสส์ค่ะ
คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่มีแฟนๆจากทั่วโลก? แม้แต่คนที่ไม่ใช่คนไทยก็เป็นแฟนคลับของคุณด้วย
ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดี เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ได้รับการสนับสนุน ได้รับกำลังใจ และการติดตามจากแฟนนักอ่านมากมายขนาดนี้ ฉันได้คุยกับนักอ่านต่างชาติมากมาย พวกเขาชักชวนฉันว่าหากได้ไปเที่ยวประเทศไหนเราก็สามารถมาเจอกันได้ ปกติฉันชอบไปต่างประเทศคนเดียวค่ะ และมันก็รู้สึกเหงาเหลือเกิน การได้มีเพื่อนใหม่ทำให้ชีวิตฉันมีสีสันและเป็นพลังบวกมากๆ ค่ะ
มีความคืบหน้าอะไรเกี่ยวกับโปรเจกต์ที่ทำกับนุชชี่หรือไม่?
ฉันมีโปรเจ็กต์เขียนบทออริจินัลกับคุณนุชี่อยู่สองเรื่อง ตอนนี้โปรเจ็กต์คืบหน้าไปค่อนข้างมาก และฉันสนุกมากๆ กับการได้ร่วมงานกัน คุณนุชี่จะมีสไตล์งานที่ realistic เป็นคนทำงานสายรางวัล ตรงข้ามกับฉันที่จะถนัดเขียนงานสไตล์โรแมนติกและค่อนข้าง surreal ตอนแรกคิดว่าเราจะเข้ากันได้มั้ย แต่พอได้ทำงานจริงๆ มันดีและลงตัวมากๆ ค่ะ
คุณจะกลับมาที่เขียนบทสารวัตรกับไทน์ต่อหรือไม่? จะมี 2gether อีกหรือเปล่า?
ฉันมองว่าสารวัตรกับไทน์เติบโตในทางของตัวเองแล้ว ไม่สามารถพูดได้ว่าในอนาคตจะเขียนอีกหรือเปล่า แต่ปัจจุบันฉันคิดว่าเรื่องราวขอพวกเขาได้จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว
หลังจากที่เช็ดน้ำตาไปแล้วเราก็ไปกันต่อ
คุณชอบเขียนเรื่องแบบไหนมากที่สุด? ส่วนตัวแล้วฉันชอบแนวเหนือธรรมชาตินะ!
เพิ่งรู้ว่าคุณชอบแนวเหนือธรรมชาติ จริงๆ ฉันชอบแนวนี้มากเลยค่ะถ้าได้นั่งดู แต่เวลาลองเขียนเองจะถนัดแนวอื่นมากกว่า
ฉันชอบแนวดราม่าหนักหน่วงเป็นพิเศษค่ะ หลายคนอาจจะไม่เชื่อเพราะเห็นซีรีส์ที่ฉายส่วนใหญ่เป็นโรแมนติกคอมเมดี้ แต่จริงๆ แล้วกลุ่มคนอ่านรุ่นแรกรู้จักฉันจากนิยายแนวดราม่า ก่อนที่ฉันจะลองเขียนคอมเมดี้ในตอนหลัง และคนอ่านเองก็ชอบเช่นกัน ทำให้ปัจจุบันฉันเขียนทั้งแนว romcom และดราม่า กลุ่มคนอ่านของฉันจึงมีรสนิยมการอ่านที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
คุณคิดว่าจะมีการปรับการแสดงเป็นภาษาอังกฤษหรือไม่?
ฉันยังไม่แน่ใจว่าการดัดแปลงเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะมีหรือไม่ แต่งานออริจินัลอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนะคะ
คุณบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่อง Be My Favorite บทกวีของปีแสงได้บ้าง? มันเป็นซีรีส์ที่ฉันตั้งตารอคอยสุดๆเลย (ฟลุ๊คคือคนโปรดของฉัน)
ดีใจที่คุณชอบนักแสดงนะคะ
บทกวีของปีแสง (You’re my favorite / Forever You) เป็นพล็อตที่อยู่ในหัวฉันมาหลายปีมากเลยค่ะ ฉันทดลองเขียนแนวย้อนเวลามาหลายรอบแต่ก็ไม่จบสักที จนกระทั่งฉันตั้งมั่นว่าจะเขียน Forever You หลังทำงานโปรเจ็กต์หนังเรื่องหนึ่งจบ (Friend Zone – GDH) ตอนจบของหนังเรื่องนั้นมีฉากแต่งงาน ฉันจึงเขียนฉากแรกของ Forever You ด้วยฉากแต่งงาน ทุกอย่างมันพลั่งพลูไปหมด ฉันใช้เวลาเขียนดราฟต์แรกเพียง 14 วันก็จบ พร้อมกับความรู้สึกผูกพัน
มันจะเป็นนิยายและซีรีส์ที่ทำให้ทุกคนหวนนึกถึงอดีต ขณะเดียวกันคุณก็จะอยากทำปัจจุบันให้มันดีที่สุดด้วย เพราะสุดท้ายแล้วเราทุกคนก็ไม่ได้มีโอกาสให้แก้ไขอดีตเหมือนกับตัวละครในเรื่อง
ถือเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้พูดคุยกับนักเขียนที่มีผลงานมากมาย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JittiRain เชิญติตดามโซเชียลมีเดียของเธอได้เลย