เส้นทางในสู่ความจริงแท้ (Authenticity) ของ Travis Japan ช่างเป็นการเดินทางที่แสนทรหด ทั้งโค้งหักศอก ทางขึ้นลงเขาที่อันตราย หรือขึ้นเหนือล่องใต้อะไรก็เจอมาหมดแล้ว แต่หลังจากตั้งใจทำงานมาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็สามารถผ่านบททดสอบมาได้ด้วยการเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่แค่ในฐานะศิลปินวง J-POP เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องร่วมสาบาน ทุกการพลิกผัน ทุกความล้มเหลว และทุกชัยชนะล้วนหล่อหลอมให้เกิดความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น ในตอนนี้พวกเขาก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ในฐานะวงแรกตลอดประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีของ STARTO ENTERTAINMENT ที่จะได้จัด World Tour ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย

นี่คือเส้นทางที่ฉันมีโอกาสได้เฝ้ามองจากขอบสนาม คอยเชียร์และให้กำลังใจไม่ใช่แค่ในฐานะผู้สื่อข่าว แต่ในฐานะคนที่เคยสัมผัสกับพลังของเสียงดนตรีมาก่อน ดนตรีเนี่ยเป็นอะไรที่เหมือนมีเวทมนตร์เลย นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้หนุ่มๆ ทั้งเจ็ดคนที่ชนะใจผู้ชมนับล้านในรายการ America’s Got Talent พัฒนาตัวเองจนผลงานเพลงขึ้นมาอยู่ระดับโลกได้
หลังจากที่จัดโชว์ให้แฟนๆ กว่า 223,000 คนได้รับชมมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2024 ทางวงก็ประกาศออกมาว่าพวกเขาจะพาโชว์ Road to Authenticity ไปสู่ระดับโลก โดยประกอบด้วยสามโชว์ที่อเมริกา ได้แก่ที่ซีแอตเทิล ลอสแองเจลิส และนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของค่าย STARTO ENTERTAINMENT ที่ได้มาไกลถึงระดับโลก โดยทั้งสามโชว์ในอเมริกาบัตรขายหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเป็นที่นิยมแบบฉุดไม่อยู่แล้วในตอนนี้
“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ขึ้นโชว์ในสามเมืองทั่วอเมริกาครับ!” หัวหน้าวง Chaka กล่าวในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ “ที่นี่มีความพิเศษสำหรับพวกเรามาก คิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการลองทดสอบว่าจะพาผู้คนมาเจอกัน โดยใช้ความบันเทิงเป็นตัวกลางได้ยังไง!” ถ้าประเมินจากบรรยากาศที่ครึกครื้นของคอนเสิร์ตลอสแองเจลิสที่ผ่านมาแล้ว ก็ต้องบอกเลยว่าประสบความสำเร็จแล้วสุดๆ
คอนเสิร์ตจัดที่ El Rey Theatre ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานใจกลางฮอลลีวูด เป็นสถานที่จัดงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายคนในวงการเพลงระดับโลก แต่ Travis Japan ก็ไม่ธรรมดา เพราะพวกเขาขนเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์มาเต็มเวที จัดโชว์ 90 นาทีที่ทั้งสนุกและรู้สึกผูกพัน แต่อย่าเข้าใจผิดนะ แค่เพราะเวทีเล็กไม่ได้แปลว่า TJ จะลดพลังลงมาแต่อย่างใด
เมมเบอร์ Travis Japan ทั้งเจ็ดคนก้าวขึ้นบนเวทีที่เต็มไปด้วยแสงแฟลชและเสียงดังกระหึ่ม ทักทายแฟนๆ ด้วยความกระตือรือร้นที่แฝงไว้ด้วยความถ่อมตัวที่ดูกี่ทีก็มีเสน่ห์ แฟนๆ ส่งเสียงกรี๊ดให้กับพยัคฆ์ทั้งเจ็ด
โชว์เพลงที่ชอบเป็นการส่วนตัวได้แก่ “Level Up” สไตล์ 8 บิตสุดมันส์
เพลงที่สนุกและเซ็กซี่ “T.G.I. Friday Night”
เพลงหอมหวานสร้างความหวัง “Okie Dokie”
“Unique Tigers” ฟังสนุกลุกนั่งสบาย
“Sweetest Tune” สุดโรแมนติก
และเพลงแจ้งเกิด “JUST DANCE!”
นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน Remix เพลงโปรดของฉันอย่าง “Candy Kiss” ที่ฉันจะพยายามทำให้เกิดขึ้นจริงให้ได้
ในบรรดาเพลงปังๆ ทั้งหมดนี้ ถ้าให้เลือกก็คงต้องเป็น “Fly Higher” ที่กำลังจะปล่อยนี่แหละที่โดนใจมากที่สุด เพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลงปิดอนิเมะเรื่อง TASUKETSU – Fate of the Majority- (Noel เมมเบอร์ของวงพากย์เป็นตัวหลัก) เป็นเพลงที่เล่าเกี่ยวกับการไล่ตามความฝันและความเชื่อมั่น แม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ตามก็ไม่ย่อท้อ เรียกได้ว่าเป็นแคปซูลเก็บความทรงจำเลยก็ว่าได้ สิ่งหนึ่งที่ Travis Japan เก่งมากคือทำให้คนดูอินร่วมกับอารมณ์ของเพลง ซึ่งคุณจะยิ่งมากกว่าเดิมถ้าได้มาฟังสด
หนุ่มๆ ทั้งเจ็ดทุ่มเทแรงกายและแรงใจในทุกโชว์ และแฟนๆ ทุกคนก็ให้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี พลังไม่คอยผ่อนเลย ถึงขนาดเล่น encore ที่สามแล้วก็ยังมีความตื่นเต้นเหมือนเพิ่งเริ่มโชว์
เมื่อค่ำคืนนี้มาถึงตอนจบ เมมเบอร์ทุกคนโค้งคำนับเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความเหนื่อยแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข “รักนะครับ ลอสแองเจลิส” Umi ขำพลางเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก “แต่ค่ำคืนนี้เราไม่มีเพลงเหลือให้เล่นแล้วครับ!” ผู้ชมส่งเสียงโห่ขอให้เล่นต่ออีกหน่อย แต่ Travis Japan ก็ทำเต็มที่แล้ว
ในขณะที่กำลังบอกลา Genta พยัคซ์เซ็กซี่ของเราก็รู้สึกซึ้งขึ้นมา “ลอสแองเจลิสเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเราจริงๆ” เขาเคยพูดคำนี้มาก่อนแล้ว “ผมรักที่นี่จริงๆ ครับ”
คิดว่าเมมเบอร์ทุกคนในวงคงเห็นด้วยกับเขา
เมื่อลุกออกมาจากโรงละครที่ล้อมรอบไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคนนับร้อย ฉันรู้สึกตกหลุมรักวงนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งความหลงใหล พลังงาน และความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ พูดง่ายๆ ก็คือวงนี้แหละของจริง พอตอนนี้ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ในโรงละครเล็กๆ อย่าง El Rey แล้ว มั่นใจเลยว่าฉันต้องไปดูพวกเขาเฉิดฉายในประเทศญี่ปุ่นให้ได้
เดี๋ยวมีคอนเทนต์ Travis Japan มาอีกเรื่อยๆ…
คอยติดตามกันด้วยนะ!